ยิงโฆษณา Google Ads vs. Facebook Ads: แพลตฟอร์มไหนเหมาะกับธุรกิจคุณ?

Women holding social media icons

การยิงโฆษณาออนไลน์เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้า สองแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Google Ads และ Facebook Ads ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน บทความนี้จะช่วยคุณเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ

1. Google Ads: โฆษณาผ่านการค้นหา

ข้อดีของ Google Ads

เข้าถึงลูกค้าที่มีความต้องการสูง – โฆษณาจะปรากฏต่อผู้ที่กำลังค้นหาสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้อง เช่น ค้นหา “รองเท้าวิ่งคุณภาพดี” โฆษณาของร้านรองเท้าก็จะแสดงขึ้นมา

Conversion Rate สูง – เนื่องจากเป็นการโฆษณาผ่านความต้องการที่เกิดขึ้นจริง (Intent-based Advertising)

ครอบคลุมหลายช่องทาง – สามารถแสดงผลผ่าน Google Search, YouTube, Google Display Network (GDN), Gmail และ Google Shopping

เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการขายสินค้า/บริการทันที – เช่น อีคอมเมิร์ซ, ธุรกิจบริการ (เช่น ช่างซ่อมรถ, โรงแรม, คลินิกทันตกรรม)

ข้อจำกัดของ Google Ads

ค่าโฆษณาสูงในบางธุรกิจ – คำค้นหาที่มีการแข่งขันสูงอาจมีค่าโฆษณาต่อคลิก (CPC) สูง

ต้องมีทักษะการตั้งค่าโฆษณา – การเลือกคีย์เวิร์ดและปรับแต่งแคมเปญต้องใช้ความรู้เฉพาะทาง


2. Facebook Ads: โฆษณาผ่านโซเชียลมีเดีย

ข้อดีของ Facebook Ads

เจาะกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำ – สามารถกำหนด อายุ เพศ พฤติกรรม ความสนใจ และตำแหน่งที่ตั้ง ได้อย่างละเอียด

เหมาะกับโฆษณาที่ต้องการสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) – เช่น ธุรกิจแฟชั่น ความงาม หรือสินค้าที่ต้องการให้ผู้บริโภคเห็นบ่อย ๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ

รองรับคอนเทนต์แบบหลากหลาย – โฆษณาสามารถเป็น รูปภาพ วิดีโอ สตอรี่ หรือแคโรเซล (Carousel) เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วม

ต้นทุนโฆษณาต่อคลิกต่ำกว่า Google Ads – เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการทดลองตลาดด้วยงบประมาณจำกัด

ข้อจำกัดของ Facebook Ads

Conversion Rate อาจต่ำกว่าหากเทียบกับ Google Ads – เพราะเป็นการโฆษณาที่ผู้ชมยังไม่ได้มีความต้องการซื้อสูง (Interest-based Advertising)

ต้องสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจ – หากโฆษณาไม่น่าสนใจ อัตราการคลิกและมีส่วนร่วมอาจต่ำ

การแข่งขันสูงขึ้นเรื่อย ๆ – ต้องมีการปรับกลยุทธ์อยู่เสมอเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี


3. ควรเลือกแพลตฟอร์มไหน?

ปัจจัยGoogle AdsFacebook Ads
เป้าหมายหลักเพิ่มยอดขายจากความต้องการที่มีอยู่เพิ่มการรับรู้แบรนด์และกระตุ้นความสนใจ
กลุ่มเป้าหมายคนที่มีความต้องการชัดเจนคนที่อาจสนใจ แต่ยังไม่ได้ต้องการซื้อทันที
รูปแบบโฆษณาโฆษณาผ่านการค้นหา, YouTube, Display Networkโฆษณาบนฟีด Facebook, Instagram, Messenger
งบประมาณเริ่มต้นอาจต้องใช้งบสูงขึ้นในบางธุรกิจเหมาะสำหรับธุรกิจที่มีงบจำกัด
เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการขายสินค้า/บริการทันที เช่น อีคอมเมิร์ซ, ธุรกิจบริการธุรกิจที่ต้องการสร้างแบรนด์ เช่น แฟชั่น เครื่องสำอาง ไลฟ์สไตล์

4. หรือจะใช้ทั้งสองแพลตฟอร์มร่วมกัน?

สำหรับธุรกิจที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การใช้ Google Ads และ Facebook Ads ควบคู่กัน เป็นกลยุทธ์ที่ดี เช่น:

  • ใช้ Google Ads ดึงดูดลูกค้าที่มีความต้องการซื้ออยู่แล้ว

  • ใช้ Facebook Ads ทำ Remarketing เพื่อติดตามลูกค้าที่เคยเข้าชมเว็บไซต์และกระตุ้นให้พวกเขากลับมาซื้อสินค้า


สรุป

📌 เลือก Google Ads หากต้องการเข้าถึงลูกค้าที่กำลังมองหาสินค้าหรือบริการและต้องการ Conversion ที่รวดเร็ว
📌 เลือก Facebook Ads หากต้องการสร้างแบรนด์ กระตุ้นความสนใจ และสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า
📌 ใช้ทั้งสองแพลตฟอร์มร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดของแคมเปญการตลาดออนไลน์

🎯 สุดท้ายแล้ว การเลือกใช้แพลตฟอร์มขึ้นอยู่กับเป้าหมาย งบประมาณ และลักษณะของธุรกิจคุณ!

 

Scroll to Top